โบว์ แวนด้า เล่าครั้งแรกที่เจอ ปอ ทฤษฎี เผยเหตุผลต้องย้ายบ้านหนี ช่วงจีบกันใหม่ ๆ




โบว์ แวนด้า รับเคยปิดโทรศัพท์ ย้ายบ้านหนี ปอ ทฤษฎี ช่วงที่เริ่มจีบกันแรก ๆ เผย น้องมะลิ เหมือนพ่อปอจ๋ามาก ทั้งความขี้แกล้งและการเต้น ได้มาเต็มร้อย 

ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนคลับและครอบครัวผู้เป็นที่รักเสมอ สำหรับพระเอกหนุ่มผู้ล่วงลับ ปอ ทฤษฎี ซึ่งล่าสุดวันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2559) ผู้สื่อข่าวก็ได้มีรายงานเปิดบทสัมภาษณ์บางส่วนของ โบว์ แวนด้า ที่ได้บอกเล่าสู่นิตยสารสุดสัปดาห์ ขณะพา น้องมะลิ พาขวัญ ลูกสาวตัวน้อยขึ้นเครื่องบินไปถ่ายแฟชั่นที่เกาะกูด จ.ตราด ที่จะลงในนิตยสารฉบับวันที่ 1 มีนาคมนี้ 

โดย โบว์ แวนด้า ได้ย้อนเล่าเรื่องถึงสมัยที่เจอกับ ปอ ทฤษฎี เป็นครั้งแรก ขณะที่เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ชั้นปีที่ 1 ส่วนปอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ต่างคนต่างเป็นเพื่อนของเพื่อน ในตอนที่เจอกันก็ต่างคนต่างมีแฟน และด้วยความที่เพื่อนของเธอเป็นรุ่นพี่ถึง 3 ปี ทำให้ปอพลอยคิดว่าเธอเป็นรุ่นพี่ด้วย ช่วงแรก ๆ ก็เรียกเธอว่าพี่โบว์ 

เจอกันครั้งแรกในลิฟต์ต่างคนต่างมองหน้า ตอนนั้นเธอแค่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดี ผ่านไปสามปีเธอเลิกกับแฟน พี่ปอก็โทร.มาคุยด้วย บางครั้งก็ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม แต่ช่วงหลังเวลาโทร.มาก็จะเริ่มถามละเอียด มีหยอดนิด ๆ หน่อย ๆ แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะจีบ เพราะตอนนั้นปอเริ่มเข้าวงการแล้ว กว่าจะลงเอยมาได้จนแต่งงานก็ผ่านอะไรมาเยอะ





ตอนนั้นเธอยอมรับว่า รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับปอ คิดว่าเขาควรได้พบคนที่ดีกว่า คุณพ่อคุณแม่ของปอน่าจะได้ลูกสะใภ้ที่เหมาะสมกว่าเธอ จึงลงเอยด้วยการหนีเขาไป เคยไปกินข้าวด้วยกัน 2 ครั้ง หลังจากนั้นคิดว่าพอเถอะ เราขอเป็นฝ่ายไป บางครั้งเธอจึงปิดโทรศัพท์ ย้ายที่อยู่ และตัดขาดการติดต่อทุกทาง โดยไม่คิดว่าผ่านไปอีก 8 เดือน ปอจะมาโผล่ที่ทำงาน จากนั้นถึงได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง

โบว์ แวนด้า ยอมรับว่าชีวิตของเธอมีอะไรเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง นับตั้งแต่ได้มาใช้ชีวิตคู่กับปอ รู้สึกใจเย็นลงและเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น รู้จักเสียสละเพื่อคนอื่น เข้าใจสิ่งที่คนรักกำลังทำ ไม่ใช่เรียกร้องจะไปเที่ยวหรืออยากได้เวลามากขึ้น ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่คบกัน ได้เรียนรู้ที่จะให้กำลังใจและสนับสนุนในสิ่งที่เขาทำ เพื่อไม่ให้เขาเครียดและกังวล เพราะแค่การทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว 

สำหรับ น้องมะลิ ลูกสาวตัวน้อยนั้น โบว์ แวนด้า เผยว่ามีหลายส่วนที่คล้ายกับพ่อปออย่างมาก ทั้งนิสัย หน้าตา ท่าทาง โดยเฉพาะความลุย ไม่ค่อยร้องไห้งอแง ยกเว้นเวลาไปไหนแล้วมีคนมายื้อ น้องจะไม่ชอบ แต่ถ้าคอยมองเขาอยู่ไกล ๆ เขาก็จะมีความสุขแล้วเต้นให้ดู เหมือนที่เห็นที่โรงพยาบาล 





นอกจากนี้ น้องมะลิ ยังมีนิสัยชอบแกล้งเหมือนพ่อปอ ถ้าเธอบอกว่าอย่าจับ เขาก็จะมองแล้วทำท่าเหมือนจะเอื้อมมือไปจับ ซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น ส่วนเรื่องเต้นก็ได้มาจากพ่อปอ เพราะพ่อเขาเต้นให้เธอดูตั้งแต่ตอนท้อง ก่อนเข้านอนก็สามช่าบ้าง โป๊งชึ่งบ้าง จนต้องบอกว่าพอเหอะปอ นอนได้แล้ว ยิ่งมะลิคลอดออกมาแล้วนี่ยิ่งชวนกันเต้นหนัก ตอนที่ปออยู่โรงพยาบาลก็ได้น้องมะลิ ที่ทำให้ทุกคนผ่อนคลายและมีรอยยิ้ม เพราะน้องเขาคอยเต้นอยู่ข้างเตียง เรียกปอจ๋า ๆ และคุณพยาบาลก็น่ารักมาก พยายามทำทุกวิถีทางให้ปอได้เห็น มีช่วงหนึ่งที่ปอฟื้นมาแล้วเห็นมะลิเต้น เขาก็มีรอยยิ้ม ทำให้พยาบาลถึงกับน้ำตาซึมไปด้วย 

ส่วนผมทรงสามจุกนี้ก็ได้มาจากปอ เพราะเขาไม่อยากให้น้องตัดผมหน้าม้า บอกให้มัดไปเลยสามจุก เลยกลายเป็นน้องมะลิสามจุกตั้งแต่ยังไม่มีผมด้วยซ้ำ






ภาพจาก Instagram vanda29, sudsapda
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »